15.70K
คนดูทั้งหมด
เคล็ดลับทำความสะอาด ฟอร์ด เรนเจอร์

ฉีดน้ำล้างดิน และโคลนออกก่อน

• การขับรถบน เส้นทางออฟโรด มีโอกาสสูงว่าจะมีดินโคลนติดเข้าไปในซุ้มล้อ ช่วงล่างหรือส่วนอื่น ๆ ของรถ

• ใช้สายยางแรงดันสูงฉีดล้างโคลนใต้ท้องรถ และบริเวณซุ้มล้อออกก่อน หรือหากใครมีสนามหญ้าที่ติดตั้งสปริงเกอร์ไว้ด้วย ก็สามารถใช้สปริงเกอร์ฉีดพ่นน้ำใส่ใต้ท้องรถ

• นอกจากจะทำให้โคลนหลุดออกมาง่ายแล้ว วิธีนี้ยังทำให้โคลนหลุดลงบนสนามหญ้าโดยไม่ต้องเสียเวลาฉีดล้างพื้นลานจอดรถอีกด้วย

• ควรตรวจดูใต้ท้องรถ และซอกต่าง ๆ ให้ละเอียดว่ายังมีโคลนติดอยู่ที่ส่วนไหนอีก

• ไม่ควรใช้สายยางแรงดันสูงฉีดล้างในระยะใกล้เกินไป เพราะหากมีส่วนที่โดนหินดีด สีรถอาจะหลุดลอกออกมาได้

• หากล้างรถที่บ้านควรใช้สายยางทำสวน ฉีดไล่โคลนออกให้หมดจนกว่าน้ำล้างรถจะใสสะอาด

• อย่าลืมฉีดล้างไปที่แหนบด้วย เพราะคราบโคลนที่ติดสะสมอยู่ อาจทำให้เกิดเสียงดังเวลาขับขี่ได้

• ควรตรวจดูให้แน่ใจว่าตามร่องต่าง ๆ รวมถึงประตูรถไม่มีคราบโคลนติดอยู่

หลังลุยน้ำทะเลมาต้องทำความสะอาดทันที

• หากคุณนำฟอร์ด เรนเจอร์ ไปลุยน้ำทะเล ลุยทราย หรือแม้แต่พื้นที่ใดก็ตามที่รถต้องสัมผัสกับน้ำเค็ม จำเป็นต้องทำความสะอาดช่วงล่างของรถอย่างทั่วถึง ด้วยการล้างรางแชสซีส์ด้วยสายยาง และน้ำสะอาดจนกว่าน้ำล้างรถจะใส

• จากนั้นจึงทำความสะอาดใต้ท้องรถด้วยการใช้สายยางที่บ้าน หรือสายยางแรงดันสูง เช่นเดียวกับการล้างโคลน

ใช้แชมพูสำหรับล้างรถเท่านั้น

• เมื่อทำความสะอาดโคลนหรือทรายในขั้นต้นแล้ว ใช้แชมพูล้างทำความสะอาดรถ ซึ่งการล้างรถด้วยมือ โดยใช้สายยาง และถังน้ำที่มีอยู่ที่บ้าน ถือเป็นวิธีง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และยังช่วยให้คุณได้สังเกตว่ามีส่วนไหนของรถที่ผิดปกติหรือไม่

• ที่สำคัญ ไม่ควรใช้น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาทำความสะอาดอื่น ๆ มาล้างรถ ควรใช้แชมพูสำหรับล้างรถเท่านั้น

• แนะนำให้เตรียมถังน้ำสำหรับล้างรถ 2 หรือ 3 ถัง

• ถังแรกสำหรับล้างตัวถัง

• ถังที่ 2 สำหรับล้างยาง ล้อ และถังสุดท้ายสำหรับใส่น้ำสะอาด

• เริ่มจากผสมแชมพูล้างรถที่ต้องการลงในสองถังแรกตามปริมาณที่คู่มือแนะนำ จากนั้นใช้ฟองน้ำชุบแชมพูล้างรถ และทำความสะอาดจากด้านบนลงมาด้านล่างให้โคลนค่อย ๆ หลุดออก

• หมั่นบีบน้ำสกปรกออกจากฟองน้ำในถังน้ำสะอาด เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรก คราบกรวด หรือโคลนไปผสมในถังแชมพู แล้วจึงฉีดน้ำล้างแชมพูออก

• หากฟอร์ด เรนเจอร์ ของคุณตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ หรือมีลวดลายกราฟิกที่ข้างตัวรถ จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการล้าง

• การใช้มือ และการใช้สายยางธรรมดาล้างรถ ถือเป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้สายฉีดน้ำแรงดันสูง 

• หากจำเป็นต้องใช้สายฉีดแรงดันสูง ควรปรับหัวฉีดเป็นแบบละออง ไม่ควรใช้สายฉีดเข้าใกล้พื้นผิวรถมากกว่า 300 มม. และควรฉีดน้ำตรง ๆ เข้าไปที่ตัวรถ ไม่ควรฉีดจากมุมบนหรือล่าง เพราะอาจทำขอบลายสติ๊กเกอร์ หรือกราฟิกเสียหาย และหลุดลอกได้

ทำความสะอาดล้อ และยาง

• หากมีโคลนเกาะอยู่ในซุ้มล้อ อาจส่งผลให้ศูนย์ล้อเพี้ยนได้ ควรใช้ฟองน้ำเฉพาะแยกกับฟองน้ำที่ใช้ล้างตัวรถ หรือใช้แปรงขัดล้อชุบแชมพูในถังที่เตรียมไว้สำหรับล้างล้อและยาง แล้วขัดทำความสะอาดตามซอกต่าง ๆ ให้มั่นใจว่าไม่เหลือก้อนโคลนเกาะติดอยู่ข้างใน

ทำความสะอาดห้องเครื่อง

• สิ่งสกปรกที่เข้าไปติดอยู่ตามซอกมุมใต้ท้องรถได้ ก็เข้าไปถึงห้องเครื่องได้เช่นกัน เราจึงควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดภายในห้องเครื่อง ควบคู่กับการตรวจสอบของเหลว ทั้งน้ำฉีดกระจก น้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง และน้ำยาหล่อเย็นไปพร้อมกัน

• ข้อควรระวังในการทำความสะอาดห้องเครื่อง คือห้ามใช้สายฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดตรงไปที่ห้องเครื่องโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้สายไฟภายในเสียหายหรือถึงขั้นทำให้ครีบหม้อน้ำงอได้

• ก่อนสัมผัสใต้ฝากระโปรง ควรดับเครื่อง และปล่อยให้เครื่องยนต์หายร้อนก่อนเสมอ

• สิ่งที่ควรทำก่อนทำความสะอาดห้องเครื่อง คือการคลุมแบตเตอรี่ กล่องกระจายไฟ และชุดกรองอากาศด้วยพลาสติกเพื่อป้องกันความเสียหาย

• ห้ามล้างคอยล์จุดระเบิด สายหัวเทียน และหัวเทียน

• เมื่อคลุมส่วนประกอบต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นขจัดเศษต่าง ๆ ที่สะสมอยู่บริเวณฐานกระจกหน้ารถ 

• อย่าลืมถอดฝาครอบเครื่องยนต์ออกก่อนฉีดน้ำยาทำความสะอาดเครื่องยนต์

• จากนั้นใช้น้ำยาล้างห้องเครื่องหรือแชมพูล้างรถที่ได้มาตรฐาน ฉีดสเปรย์ไปที่ห้องเครื่องตามคำแนะนำในคู่มือ โดยฉีดพ่นจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อล้างห้องเครื่องให้สะอาด เมื่อเสร็จแล้ว อย่าลืมถอดพลาสติกที่คลุมชิ้นส่วนต่าง ๆ ไว้ให้หมด

ทำความสะอาดภายในรถ

• การทำความสะอาดภายในรถทำได้ง่าย ๆ เพียงใช้เครื่องดูดฝุ่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด น้ำยาเช็ดกระจกรถยนต์ และออกแรงเช็ดทำความสะอาดอีกนิดหน่อย

• เริ่มจากถอดผ้ายางปูพื้นรถ และผ้าคลุมเบาะออกก่อนที่จะเริ่มดูดฝุ่นบนพรม และเบาะนั่ง 

• อย่าลืมทำความสะอาดผ้ายางปูพื้นด้วยฟองน้ำชุบสบู่ ล้างน้ำ และตากให้แห้ง

• จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดพื้นผิวภายในรถทั้งหมด สุดท้ายควรใช้น้ำยาเช็ดกระจกที่ไม่ผสมแอมโมเนียทำความสะอาดกระจกรอบคัน โดยฉีดสเปรย์ และเช็ดจากด้านใน