• สารสังเคราะห์ที่ทำขึ้นในห้องทดลองของฟอร์ดนั้นเสมือนจริงมาก สามารถเลียนแบบสิ่งต่าง ๆ ที่นกนานาชนิดกินเข้าไป แล้วทำให้ออกมาเป็นกรดต่าง ๆ ปะปนในสารได้อย่างแนบเนียน
• ชิ้นส่วนที่นำมาทดสอบด้วยการพ่นสเปรย์ ถูกนำไปอบในเตาอุณหภูมิ 40 50 และ 60 องศาเซลเซียส เพื่อเลียนแบบการนำรถไปจอดในที่ที่มีความร้อนสูง ทำให้สารป้องกันการกัดกร่อนสีรถถึงขีดจำกัด
• วิศวกรฟอร์ดยังใช้กรดฟอสเฟอริกผสมกับน้ำยาทำความสะอาด และเกสรดอกไม้สังเคราะห์ พ่นลงบนชิ้นส่วนตัวถัง ก่อนนำไปอบในเตาที่ความร้อน 60 องศาเซลเซียส และ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที
• การทดสอบนี้ใช้ป้องกันสสารล่องลอยในอากาศอย่างเกสรดอกไม้ และเศษไม้มียาง
• ผู้เชี่ยวชาญได้ทดสอบว่า สารเคลือบที่ฟอร์ดใช้กับสีรถมีความสามารถสูงสุดในการต้านปฏิกิริยาจากสิ่งปนเปื้อนในอากาศ และมีความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศในทุกรูปแบบ โดยการปรับสูตรสี เรซิน และสารเติมแต่งอื่น ๆ ที่ใช้ในการทำสี และเคลือบรถ
.jpg)
• ประเทศเขตร้อน สีรถจะเสี่ยงต่อการเสียหายเป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่เพียงแต่จะมีนกเยอะในทุกฤดู แต่สีรถยังสามารถปรับเปลี่ยนสถาพ และซีดจางลงได้
• กรณีที่จอดกลางแดดร้อนจัดตลอดเวลา พอเจอความเย็นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในของสี
• สิ่งปฏิกูลจากนกเกาะติดพื้นผิวตัวถัง หากทิ้งไว้อย่างนั้นจะกลายเป็นคราบถาวรที่จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยกำจัดออก

วิทยาศาสตร์แห่งขี้นก
• ขี้นกมักจะประกอบไปด้วยสีขาว และดำ แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่อุจจาระทั้งหมด
• สีขาว คือกรดยูริก และสร้างขึ้นในทางเดินปัสสาวะของนก จึงเทียบได้กับปัสสาวะ ส่วนที่เป็นอุจจาระมาจากระบบทางเดินอาหาร
• นกได้ปลดปล่อยของเสียทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกันอย่างรวดเร็ว จนไม่มีเวลาให้ของเสียทั้งสองผสมกัน
.jpg)
การทดสอบสีรูปแบบอื่น ๆ
• ฟอร์ดใช้ตัวอย่างสีที่ใช้พ่นรถไปทดสอบด้วยวิธีอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบมาราธอน ยาวนาน 6,000 ชั่วโมง (250 วัน) ในห้องฉายแสง เพื่อจำลองระยะเวลา 5 ปี ในที่ที่สว่างที่สุดในโลก เพื่อประเมินการกัดกร่อนจากแสงอาทิตย์
• นำไปแช่อุณหภูมิติดลบ ให้เผชิญกับคราบน้ำแข็งเกาะติดจากฤดูหนาวที่รุนแรงในห้องเกลือความชื้นสูง
• ทดลองด้วยคราบน้ำมันสำหรับกรณีที่เติมน้ำมันมากเกินไปจนล้นออกมา

วิธีล้างขี้นกจากรถของคุณ
• การปล่อยให้ขี้นกเลอะรถอยู่อย่างนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดี เจ้าของรถควรล้างรถเป็นประจำด้วยฟองน้ำ และน้ำอุ่นที่ผสมสบู่ล้างรถค่ากรดเป็นกลาง และค่อย ๆ ลบคราบที่ลบง่ายออกจากรถทันที
• การลงแว็กซ์ปีละสองครั้งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสีรถจะฝ่าฟันสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ โดยที่ยังเงาวับได้นานกว่าเดิม

เรื่องที่เกี่ยวข้อง





