• ฮอนด้า แจ๊ซ (Honda Jazz) รุ่นปรับโฉมล่าสุด โดยรุ่นที่สังเกตความแตกต่างเด่นชัดที่สุด คือรุ่นท็อป RS+ ราคา 754,000 บาท
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ กระจกมองข้างสีดำ
• ไฟหน้า LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Light-DRL) แบบ LED
• กันชนหน้า-หลัง ลายคาร์บอน ดีไซน์สปอร์ต
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ ล้ออัลลอย ดีไซน์สปอร์ต 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 185/55 R16
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ ยางอะไหล่ขนาด T135/80 D15 อยู่ใต้พื้นเก็บของในห้องสัมภาระ
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ เบาะผ้าตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ หน้าจอเครื่องเสียงใหม่ ติดตั้งระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย (Bluetooth) รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI
• Drive Tripper ลองขับใช้งานจริง ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นท็อป RS+ สีตัวถัง เทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)
• น้ำมันผสมหลากหลายจากมือขับก่อนหน้านี้ และเติมแก๊สโซฮอล์ 91 เข้าไปจนเต็มถัง แสดงระยะทางวิ่ง 479 กิโลเมตร
12.12
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ ในทริปนี้ขับขี่ระหว่างเมืองมากกว่าขับขี่ในเมือง เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อัมพวา นั่งสองคน ไม่บรรทุก โดยขับขี่ทางโล่ง ๆ ลองกดคันเร่งแบบห้อตะบึง คือ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร่งแซงบ่อย
• เข้ากรุงเติมน้ำมันที่ระยะทาง 265.5 กิโลเมตร หน้าปัดแสดง 12.6 กิโลเมตรต่อลิตร น้ำมันในถังเหลือให้วิ่งต่อ 250 กิโลเมตร
• เติม E85 เข้าไปผสมอีก 21.90 ลิตร (ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร) เฉลี่ย 12.12 กิโลเมตรต่อลิตร น้ำมันเต็มถังแสดงระยะทางวิ่ง 482 กิโลเมตร
420.9
• จากนั้นขับฮอนด้า แจ๊ซ รุ่น RS+ จากกรุงเทพฯ ไปบางแสน ความเร็วบนมอเตอร์เวย์ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้งานในเมืองศรีราชา รถติด เบรกบ่อย เลี้ยวซอกแซก
• ขับกลับมาจอดคืนที่อุดมสุข ที่ระยะทาง 420.9 กิโลเมตร หน้าปัดแสดง 13.0 กิโลเมตรต่อลิตร น้ำมันในถังเหลือให้วิ่งต่อ 77 กิโลเมตร
• ฮอนด้า แจ๊ซ เครื่องยนต์ 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที รองรับพลังงานทางเลือก E85 เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด
• ด้านการขับขี่ แน่นอนว่า ฮอนด้า แจ๊ซ มอบความคล่องตัว ส่วนกำลังของเครื่องยนต์เหมาะสำหรับท่านที่ชอบการออกตัวไวทันใจ และช่วงล่างกระด้างเล็กน้อย รวม ๆ แล้วได้กลิ่นอายความสปอร์ต ตรงนี้เป็นความเห็นเฉพาะรุ่นท็อป รุ่น RS+ เท่านั้นครับ
• ฮอนด้า แจ๊ซ ดึงดูดใจด้วยโครงสร้างของรูปทรง การดีไซน์ที่แลดูทันสมัยอยู่เสมอ และแฝงความอเนกประสงค์ โดยเบาะหลังสามารถพับได้หลายรูปแบบ และมีที่วางแก้วน้ำหลายตำแหน่ง เอื้อมจับง่าย ถูกใจนักเดินทาง
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นท็อป RS+ ติดตั้งระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ Honda Smart Key System
• ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นท็อป RS+ มีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
• ด้านความปลอดภัย ฮอนด้า แจ๊ซ รุ่นท็อป RS+ ติดตั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-Lock Brake System-ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)
• ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist-VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist-HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal-ESS) และกล้องมองหลังขณะถอยจอด ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
• แม้จะมี นิสสัน โน้ต (Nissan Note) , มาสด้า2 (Mazda2) , ซูซูกิ สวิฟท์ (Suzuki Swift) , โตโยต้า ยาริส รุ่นปรับโฉมปี 2017 (Toyota Yaris) และล่าสุด All New MG3 แต่ฮอนด้า แจ๊ซ (Honda Jazz) ไม่ว่าเป็นเจนเนอเรชั่นใดก็ตาม ยังคงอยู่ในทางเลือกของผู้ใช้รถที่ต้องการรถ 5 ประตู ความคล่องตัวสูง
• สุดท้ายต้องลองขับ และเช็คออพชั่น เทียบเคียงระหว่างรุ่น และยี่ห้อ ตามที่ตั้งงบประมาณไว้
เรื่อง / ภาพ : พิชัย มูลจัด
ฮอนด้า แจ๊ซ มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น
• RS+ ราคา 754,000 บาท
• RS ราคา 739,000 บาท
• V+ ราคา 694,000 บาท
• V ราคา 654,000 บาท
• S CVT ราคา 594,000 บาท
• S MT ราคา 555,000 บาท