4.96K
คนดูทั้งหมด
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่

• • • โรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ในประเทศไทย เป็นฐานการผลิตระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น โดยมียอดส่งออกในสัดส่วนกว่า 80% ของการผลิตทั้งหมด 

         มร. คาร์ลอส กอส์น ประธานบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส จำกัด เยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ในวันที่ 26 เมษายน 2560 นับเป็นการเยี่ยมชมโรงงานครั้งแรก หลังจากรับตำแหน่งดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา

         โดยโรงงานแห่งนี้เป็นฐานการผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ซึ่งดำเนินการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 120 ประเทศ

         มร. กอส์น กล่าวในโอกาสเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โรงงานแห่งนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น

         ด้วยเครื่องมือการผลิตที่มีคุณภาพสูงระดับโลก ทำให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีกำลังการผลิตรถยนต์ถึง 424,000 คันต่อปี และในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย โรงงานดังกล่าวจึงเป็นฐานการผลิตระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส

         ในปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ได้เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรเรโนลต์-นิสสัน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มยานยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยยอดขายรวมเกือบ 10 ล้านคันต่อปี 

         มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะดำเนินการร่วมกันกับพันธมิตรผ่านแนวทางปฎิบัติที่ดีที่สุดในการควบคุมค่าใช้จ่าย การจัดหาชิ้นส่วน และการผลิต  

         ในส่วนของการเติบโตของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส มาจากการจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การพัฒนาด้านการขนส่ง การใช้ประโยชน์ในโรงงานและเทคโนโลยีร่วมกัน รวมทั้งการใช้ฐานการผลิตรถยนต์ร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนจำนวนมากของกลุ่มพันธมิตรในด้านการวิจัยและพัฒนา

         มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทย 4 โรงงาน และมีการจ้างงานพนักงานกว่า 6,000 คน สำหรับปีงบประมาณที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยประมาณ 356,000 คัน

         สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้แก่ สหภาพยุโรป คิดเป็นสัดส่วน 28% กลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย 25% อเมริกา 21% โอเชียเนีย 12% และอื่น ๆ 14%