• การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนอาทิตย์อุทัย เพื่อเข้ามารับตำแหน่ง ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่ผู้คนทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับวิกฤตอันยาวนานจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
• ท่ามกลางภาวะความตึงเครียดจากสงครามทางการค้าระหว่างประเทศ
• ภาวะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการขาดชิ้นส่วนสำหรับการผลิตรถยนต์ ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
• วันนี้มาเจาะลึกเปิดใจ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย มร. ทาดาชิ มิอุระ ผู้ที่คร่ำหวอด และโลดแล่นอยู่ในตลาดรถยนต์มาแล้วทั่วโลก ลงหลักปักหมุดมายังประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญเพื่อที่จะผลักดันแผนพัฒนาธุรกิจมาสด้า เดินหน้าบรรลุตามวัตถุประสงค์กับเป้ายอดขายที่ตั้งไว้สูงถึง 45,000 คัน
• มร. ทาดาชิ มิอุระ เริ่มต้นทำงานกับมาสด้า มอเตอร์ มายาวนานกว่า 30 ปี สั่งสมประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในด้านการขาย การตลาด และด้านการวางแผนกลยุทธ์ให้กับหลาย ๆ ตลาดในต่างประเทศ
• เคยดูแลรับผิดชอบหลายตลาดในต่างประเทศ เช่น ยุโรป อเมริกาเหนือ โอเชียเนีย รัสเซีย และอื่น ๆ
• ก่อนที่จะเดินทางมาที่ประเทศไทย คือมาสด้า ไต้หวัน และวันนี้ได้มาประจำการพร้อมเดินหน้าต่อยอดสร้างแบรนด์มาสด้าสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ความแตกต่างของคนทำงานในแต่ละประเทศ
• ผู้คนจากต่างวัฒนธรรมก็จะมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาก็มีสิ่งที่คล้ายคลึงกันด้วยเช่นกัน
• ในประเทศไทย ผมสัมผัสได้ว่าคนที่นี่ทำงานหนักเพื่อบริษัท มีหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง ทำงานเป็นทีม ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งคนญี่ปุ่นก็มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกัน
• ขณะเดียวกันคนไทยก็จะมีความเป็นปัจเจกบุคคลสูงกว่าคนญี่ปุ่น และจดจ่อกับหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง
• ผมต้องการนำข้อดีทั้งสองวัฒนธรรมนี้มาประยุกต์ทำให้เป็นการทำงานแบบ Mazda Way
นำความรู้ประสบการณ์จากการทำงานในตลาดต่างประเทศมาต่อยอด
• ข้อได้เปรียบจากการทำงานในหลายตลาด ในหลายประเทศ ทำให้ผมได้เห็นความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และดีลเลอร์ และทำให้ได้ความรู้มากยิ่งขึ้น รวมถึงวิธีการในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนเหล่านี้ มากกว่าการทำงานแค่เพียงประเทศเดียว
• ทำให้ผมสามารถนำความรู้ ตัวอย่างที่ดีจากตลาดหนึ่งมาปรับใช้กับอีกตลาดหนึ่ง ในทุกประเทศลูกค้ามีความคาดหวังกับแบรนด์มาสด้าค่อนข้างสูง ซึ่งดีต่อพวกเรา ผมจะนำเอาความคิดริเริ่มสร้างสรรสิ่งใหม่ ๆ มาใช้ให้มากที่สุด
• ความคิดต่าง ๆ เหล่านี้ ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา นำมาใช้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เพื่อยกระดับแบรนด์มาสด้าในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ หลังจากที่เพิ่งเปิดโปรเจค CPO ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้
เปิดวิสัยทัศน์และปรัชญาในการทำงาน
• ผมเกิดที่เมืองฮิโรชิมา หลายคนพูดกันว่าคนฮิโรชิมา เป็นคนที่มีความกระตือรือร้น มองโลกในแง่ดี เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
• เป้าหมายสูงสุดของผม คือการมอบความสุขให้กับผู้คน ซึ่งผู้คน หมายถึง ลูกค้า ดีลเลอร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน
• ด้วยสิ่งเหล่านี้ ผมต้องการที่จะทำให้ผู้คนมีความสุข ด้วย One Team และ Omotenashi Spirit เริ่มจาก One Team ทีมเวิร์ค คือสิ่งที่สำคัญมาก คนเราไม่สามารถทำอะไรโดยปราศจากการสนับสนุนจากผู้อื่นได้ ทีมเวิร์คจะนำมาซึ่งโอกาสในการแลกเปลี่ยนไอเดีย และสร้างความแข็งแกร่งให้แต่ละคน เพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน
• Omotenashi spirit คือปรัชญาที่ผมอยากให้ทุกคนในทีมจดจำไว้เสมอ ซึ่งสิ่งนี้ ไม่ใช่แค่จิตวิญญาณแห่งการต้อนรับเท่านั้น แต่เป็นการทำให้ทุกคนยิ้มได้ ด้วยสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ผมทราบดีว่า เป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้สำเร็จ แต่เราไม่เพียงแค่อยากทำให้ลูกค้าพึงพอใจเท่านั้น แต่หมายถึงการมอบสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ไม่ใช่เพียงแค่การบริการที่เสร็จสมบูรณ์ แต่เราต้องการให้ลูกค้าประหลาดใจ ไม่ใช่เพียงแค่ความสบายใจของลูกค้า แต่เราต้องการนำมาซึ่งความเชื่อมั่น ไม่ใช่เพียงแค่นำมาซึ่งความสุข แต่คือความอบอุ่น ผมจะนำปรัญชานี้มาใช้ตลอดช่วงเวลาทำงานที่ประเทศไทย
เจาะลึกนโยบายการพัฒนาธุรกิจมาสด้าในประเทศไทย
• ผมได้นำเสนอแผนงานเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป้าหมายสูงสุด คือการยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ผ่านประสบการณ์ลูกค้าที่มีกับมาสด้า ตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อ จนถึงการกลับมาซื้อซ้ำ ดังนั้น ผมต้องการที่จะเร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของเราให้เป็น Retention Business Model ผมต้องการที่จะยกระดับแบรนด์มาสด้าให้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ความชื่นชอบแบรนด์ของลูกค้า และสำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ การเพิ่ม Residual Value หรือ การเพิ่มมูลค่าให้กับรถยนต์ของลูกค้า
สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยและมองอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยอย่างไร
• จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2.5 - 3.5%
• ปัจจัยหลักมาจาก (1) ความต้องการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น (2) การท่องเที่ยวภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น (3) การส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้น
เราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทั้งนี้ก็ยังคงต้องจับตามองปัจจัยลบต่าง ๆ อาทิ ราคาน้ำมันและพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน การขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดทั้งระบบ คาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 820,000 - 850,000 คัน
มุมมองต่อมาสด้าในประเทศไทย
• อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยมีความท้าทายอย่างมากถือเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่ มาสด้า มอเตอร์ ให้ความสำคัญ คนไทยมีความกระตือรือร้นอย่างมากต่อการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งเห็นได้จากงานมหกรรมโชว์รถ นี่คือเหตุผลที่เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ เข้าสู่ตลาด เราไม่เคยลืมว่า ลูกค้าคนไทยมีความคาดหวังสูงมากกับมาสด้า ซึ่งเราต้องการที่จะเติมเต็มความคาดหวังเหล่านั้น
สิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญมากที่สุดต่อจากนี้เป็นต้นไป
1. เดินหน้าส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าและแฟนมาสด้า ด้วยคุณค่าแบรนด์
2. ให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุก Touchpoint รวมถึงในด้านดิจิทัล
3. ผลักดันการดูแลลูกค้า และการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อยกระดับสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า
4. สร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายผู้จำหน่าย เพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทางธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นและเกิดความพึงพอใจสูงสุด
เปิดแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศไทย
• เรากำลังทำการศึกษา และวางแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV ในตลาดประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ ซึ่งข้อดี คือเรามีเวลาที่จะทำการศึกษาและพัฒนารถ EV และมีเวลาในการศึกษาความคิดเห็นของลูกค้า เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของรถ EV ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในตลาดปัจจุบัน
• แม้ว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่เราก็สามารถยืดหยัดอยู่ในตลาดอย่างสง่างาม ท่ามกลางการแข่งขัน หรือแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้ ด้วยเทคโนโลยีและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ทำให้เราเป็นแบรนด์ที่ถูกเลือกโดยลูกค้าทั่วโลก และเราก็มีแฟนคลับอยู่เป็นจำนวนมาก เราเชื่อว่า รถยนต์ของเราจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งใหม่ๆ ได้อย่างแน่นอน และเราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะให้รถยนต์ของเราเป็นรถที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก
• นี่คือมุมมอง และแผนการพัฒนาธุรกิจมาสด้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ภายใต้การนำทัพของ มร. ทาดาชิ มิอุระ จากญี่ปุ่นสู่ประเทญไทย พร้อมนำทุกประสบการณ์จากทั่วโลกมาสร้างแบรนด์มาสด้าให้เป็นที่ชื่นชอบถูกอกถูกใจคนไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความรักความผูกพันในระยาวกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด