2.68K
คนดูทั้งหมด
TATA MOTORS ตั้งเป้าเติบโต 83%

• • • บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งผลการดำเนินธุรกิจสำหรับปีงบประมาณที่ผ่านมา หรือในช่วงตั้งแต่ 1 เมษายน 2559 ถึง 31 มีนาคม 2560 สามารถสร้างยอดจำหน่ายได้เป็นที่น่าพอใจ ทั้งยอดจำหน่ายในประเทศและส่งออก โดยในปีงบประมาณที่แล้ว มียอดจำหน่ายรวมทุกรุ่นมากขึ้นกว่าในปีงบประมาณก่อนหน้า 19% ถึงแม้ว่าสภาวะตลาดโดยรวมของประเทศจะค่อนข้างทรงตัวก็ตาม

         รถกระบะ ทาทา ซีนอน เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุด จากยอดจำหน่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้น 38% และส่งออกที่เพิ่มขึ้น 17% รวมยอดจำหน่าย ทาทา ซีนอน ทั้งหมด 1,398 คัน เป็นผลจากการเปิดตัวรถกระบะ ทาทา ซีนอน 150N-Series หลากหลายรุ่น คือ กระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ 150NX-PLORE 4WD กระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ 150NX-TREME และ 150NX-PERT กระบะตอนเดียวเพื่อการบรรทุก และกระบะตอนเดียวเพลาเฮฟวี่ดิวตี้ ที่เข้ามาช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า

         ทาทา ซูเปอร์ เอซ มินท์ มียอดจำหน่ายลดลง โดยมียอดจำหน่ายรวม 240 คัน น้อยกว่าในปีงบประมาณที่แล้ว 25% เป็นผลมาจากการส่งมอบรถจากอินเดียมาที่บริษัทฯ มีจำนวนจำกัดในช่วง 3 เดือนของปีงบประมาณ 

         อย่างไรก็ดี เมื่อสินค้ามาถึงพร้อมจำหน่าย บริษัทฯ ได้กระตุ้นยอดขาย โดยปรับราคา ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ อยู่ที่ 365,000 บาท และเพิ่มรายการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ด้วย ทำให้ ซูเปอร์เอซ มินท์ ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเห็นได้จากยอดขายที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ

         สำหรับกลุ่มรถบรรทุกขนาดกลาง ขนาดใหญ่ บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลาง 6 ล้อ ทาทา อัลทรา โดยได้รับการตอบรับทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ต่างจังหวัด

         เป้าหมายในปีงบประมาณ 2560-2561 (1 เมษายน 2560 ถึง 31 มีนาคม 2561) บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตที่ 83% แม้ว่าตลาดโดยรวมในประเทศจะเติบโตเพียง 5-6% ก็ตาม เนื่องจากทางบริษัทฯ ยังมีฐานยอดการจำหน่ายที่ไม่สูงนัก จึงทำให้มีพื้นที่ให้เติบโตอีกมาก

         สำหรับเป้าหมายการจำหน่ายแต่ละรุ่น จะเป็นดังนี้ รถกระบะ ทาทา ซีนอน ยอดจำหน่ายในประเทศ และส่งออกรวมกันที่ 2,100 คัน แบ่งเป็น 1,800 คัน ในประเทศ และส่งออกจำนวน 300 คัน

         ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ วางเป้าหมายการจำหน่ายที่ 500 คัน หรือมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% สำหรับกลุ่มรถประเภทนี้ 

         กลุ่มรถบรรทุกขนาดกลาง ทาทา อัลทรา จำนวน 300 คัน

         กลุ่มรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทาทา แดวู และ ทาทา ไพรม่า จำนวน 100 คัน

         เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จะมีการประกอบรถกระบะ ทาทา ซีนอน รุ่นใหม่ ที่จะใช้แชสซีส์แบบไฮโดรฟอร์ม เกียร์อัตโนมัติ และพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน พร้อมอุปกรณ์อื่น ๆ เพิ่มขึ้น และยังมีการประกอบรถ ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ ในประเทศไทย ประมาณเดือนพฤศจิกายนของปีนี้ 

         นอกจากรถกระบะที่จะประกอบในประเทศไทยทั้ง 2 รุ่นนี้แล้ว รถบรรทุก 6 ล้อ ทาทา อัลทรา จะมีการเติมรุ่นย่อยเข้ามาอีก 3 รุ่นให้ครบภายในเดือนกันยายนปีนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าสามารถนำไปใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น

         ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัทฯ จะเปิดตัวรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถหัวลาก ในตระกูล ทาทา ไพรม่า แบบ 10 ล้อ และ 12 ล้อ มีกำลัง 280 แรงม้า และ 380 แรงม้า ซึ่งเป็นรถบรรทุกที่มีกำลังเครื่องยนต์ที่เหมาะสมตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า

         แผนการย้ายสถานที่ประกอบจากที่เดิมไปยังโรงงานของ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ในเขตมีนบุรี ได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยบริษัทฯ กำลังขนย้ายเครื่องจักรเพื่อไปติดตั้ง ณ โรงงานแห่งใหม่ และใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุง ยกระดับ คุณภาพ และความสามารถในการประกอบรถยนต์ทาทา ซีนอน รุ่นที่จะมีการปรับปรุงใหม่ (Major Change)

         การลงทุนสำหรับไลน์การประกอบรถ ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงประมาณเดือนกันยายน 2560 ก็จะเป็นไลน์การประกอบที่สามารถประกอบได้ทั้งแบบ พวงมาลัยขวา (RHD) และ พวงมาลัยซ้าย (LHD)

         นายซานเจย์ มิชรา กล่าวว่า แม้ว่าผลประกอบการในปีงบประมาณ 2559 ที่ผ่านมา จะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามจากยอดจำหน่ายที่สูงขึ้นกว่าปีงบประมาณ 2558 ถึง 19% เป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ได้ปรับปรุงแก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน และพร้อมที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขายอยู่ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้า

         เป้าหมายคือ การเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์แบบครบวงจร (Full Range Trucking Solution Provider) และทาทา มอเตอร์ส จะเป็นผู้เล่นเพียงรายเดียวที่มีกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ครบในทุกเซกเมนต์ มั่นใจว่าในปีงบประมาณใหม่นี้ ด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ จะทำให้บริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้นในตลาดประเทศไทย และจะประสบความสำเร็จในตลาดมากยิ่งขึ้นในปีนี้ และในอนาคต