5.21K
คนดูทั้งหมด
มาสด้า 2 ใหม่ ในสนามระดับโลก

• จุดที่เปลี่ยนแปลงจากโฉมก่อน สำหรับ New Mazda 2 รุ่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู

• ด้านหน้ารถ ดีไซน์ใหม่ ทั้งกระจังหน้า และไฟหน้า

• โครเมียมตกแต่งกันชนหน้าตามแนวนอน

• ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่

• New Mazda 2 รุ่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ไฟท้ายดีไซน์ใหม่

• โครเมียมตกแต่งกันชนท้ายตามแนวนอน

• New Mazda 2 ซีดาน 4 ประตู ไฟท้ายดีไซน์เดิม

• กันชนท้ายตกแต่งตามแนวนอน

• New Mazda 2 เบาะหนังสีเทา และผ้า Grand Luxe Suede สีดำ ส่งผลให้ห้องโดยสารหรูขึ้น

• New Mazda 2 เบาะคู่หน้าถูกพัฒนาด้วยคอนเซ็ปต์ Skyactiv-Vehicle Architecture จากการศึกษาเชิงลึกถึงสรีระ และธรรมชาติการเดินของมนุษย์ เพื่อพัฒนารถยนต์ที่ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

• New Mazda 2 การเก็บเสียงพัฒนาไปอีกขั้น หลังคารถปรับปรุงการซับเสียง

• ฝาท้ายด้านบน ปรับปรุงการซับเสียง

• รอยเชื่อมเสา B ปรับปรุงฉนวนกันเสียง

• ซุ้มล้อหลังด้านใน ปรับปรุงการซับเสียง และฉนวนกันเสียง

• New Mazda 2 ทุกรุ่น ติดตั้งระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus หรือ GVC Plus

• ให้ผู้ขับขี่ และรถเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น มอบความสะดวกสบาย และปลอดภัยให้ผู้โดยสารตลอดการเดินทาง

• New Mazda 2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ - จี เบนซิน 1.3 ลิตร แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 93 แรงม้า PS ที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน - เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที 

• เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด

• ประหยัดน้ำมัน 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร

• New Mazda 2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ - ดี คลีนดีเซล 1.5 ลิตร เทอร์โบ แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 105 แรงม้า PS ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน - เมตร ที่ 1,500 - 2,500 รอบต่อนาที

• เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด 

• ประหยัดน้ำมัน 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร 

• New Mazda 2 ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า

• New Mazda 2 เทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)

• ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift 

• รองรับการเชื่อมต่อสื่อสารด้วย Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay

• New Mazda 2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ - จี เบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร ทั้งซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ก 5 ประตู

• รุ่น 1.3 E ราคา 546,000 บาท

• รุ่น 1.3 C ราคา 602,000 บาท

• รุ่น 1.3 S ราคา 627,000 บาท

• รุ่น 1.3 S LEATHER ราคา 648,000 บาท

• รุ่น 1.3 SP ราคา 690,000 บาท

• New Mazda 2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ - ดี คลีนดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ทั้งซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ก 5 ประตู

• รุ่น XD ราคา 782,000 บาท

• รุ่น XDL ราคา 799,000 บาท

• สิ่งที่ New Mazda 2 ต้องการสื่อสาร คือทดลองขับรถมาตรฐานจากโรงงานในสนามช้าง ฯ บุรีรัมย์ เพื่อพิสูจน์ระบบ G-Vectoring Control Plus ที่ช่วยในการทรงตัวเมื่อเข้าโค้งลึก ๆ ประสานกับแฮนด์ลิ่ง และการใช้เบรกก่อนเข้าโค้ง

• ย้ำว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน ถ้าขับแบบไม่มีสติ และทักษะ เอาแต่ซิ่งอย่างเดียว รถราคาแพงแค่ไหนก็สู้โค้งไม่อยู่

• สถานทีทดสอบ New Mazda 2 ในสนามช้าง ฯ บุรีรัมย์ แบ่งเป็นสองสถานี คือสลาลอม และวิ่งในโค้งเพื่อทดลองระบบ G-Vectoring Control Plus

• ปิดท้ายด้วยการวิ่งเต็มแทร็ค ทั้งรุ่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล

• ความนิยมของ Mazda 2 ติดลมบนสำหรับผู้บริโภคชาวไทย โดยเจนเนอเรชั่นแรกที่เปิดตัวในปี 2009 มียอดขายกว่า 120,000 คัน

• ส่วนเจนเนอเรชั่นที่ 2 เริ่มจำหน่ายในเดือนมกราคม 2015 มียอดขายรวมถึงปัจจุบันกว่า 160,000 คัน

• ในสนามช้าง ฯ ระบบ G-Vectoring Control Plus ทำให้ New Mazda 2 มีเสถียรภาพการทรงตัวมากขึ้นขณะเข้าโค้ง 

• G-Vectoring Control Plus ยังแสดงให้เห็นถึงการทรงตัวเมื่อสลาลอมหักหลบกระทันหัน ช่วยให้รถกลับมาอยู่ในทางตรง ไม่แฉลบออก

หลักการทำงานของ G-Vectoring Control Plus

1. ขณะรถเริ่มเข้าโค้ง ระบบจะลดแรงบิดเครื่องยนต์เล็กน้อย เพื่อให้ล้อหน้ายึดเกาะถนนได้มากขึ้น เข้าโค้งได้แม่นยำขึ้น

2. G-Vectoring Control Plus ขณะรถอยู่ในโค้ง แรงบิดเครื่องยนต์กลับสู่สภาวะปกติ เพื่อรักษาสมดุลของรถให้ดียิ่งขึ้น

3. ขณะรถออกจากโค้ง ระบบ G-Vectoring Control Plus จะเพิ่มการทำงานของเบรกเพียงเล็กน้อยในล้อหน้าด้านนอกโค้ง เพื่อช่วยให้รถกลับสู่ทางตรงอย่างมีเสถียรภาพ

• Drive Tripper ยังคงประทับใจท่านั่งขับขี่ ขับหลายรอบในแทร็คแล้วยังไม่อยากลุกออกจากเบาะนั่ง มันท้าทาย ยิ่งเข้าใจระบบ G-Vectoring Control Plus มากขึ้น ก็ยิ่งอยากขับให้เนียนขึ้น เร็วขึ้นในทุก ๆ รอบ

• รุ่นที่เคมีตรงกับใจ Drive Tripper เมื่อขับในสนามช้างฯ คือรุ่นแฮทช์แบ็ก พละกำลังของเครื่องยนต์เบนซินให้มาแบบพอดี ๆ สำหรับไลน์เรซซิ่ง เติมแล้วไม่ล้น 

• ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลนั้นฉกาจฉกรรจ์มากในทางตรง อัดมาเพลินไปหน่อย พอจะเข้าโค้งต้องเบรกเยอะ แต่รอบหลัง ๆ ก็ปล่อยผ่อนไหลเข้าโค้งตามธรรมชาติ ให้ระบบ G-Vectoring Control Plus ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ

• สรุปว่าขับสนุกทุกรุ่น เพราะคาแร็กเตอร์ น้ำหนักรถ ขุมพลังต่างกัน

• สุดท้ายเผลอไผลยังไงก็มาจบตบให้เข้ารูปเข้ารอยด้วยระบบ G-Vectoring Control Plus