OUTLANDER PHEV ขับสไตล์แรลลี่

1.45K

คนดูทั้งหมด

OUTLANDER PHEV ขับสไตล์แรลลี่

• บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mitsubishi Outlander PHEV มีให้เลือกสองรุ่น

• เริ่มต้นที่รุ่น GT ราคา 1,640,000 บาท

• รุ่น GT Premium ราคา 1,749,000 บาท

• เพื่อให้ได้สัมผัสคุณลักษณะเด่นของ Mitsubishi Outlander PHEV จึงได้จัด Pre-Test ริมทะเลสาบ เมืองทองธานี

• ลองอัตราเร่ง เบรก และที่สำคัญ คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super All-Wheel Control (S-AWC)

• การทดสอบย่อยครั้งนี้ ขับท่านละ 4 รอบ เรียกว่าจับพวงมาลัยแล้วขับออกไปเผชิญกับสถานการณ์จริงกันเลย

• สถานีแรกเป็นการออกตัวด้วยโหมดต่าง ๆ ในแต่ละรอบ สุดท้ายจบกันที่การกระแทกเบรกกะทันหัน ซึ่ง Mitsubishi Outlander PHEV แสดงให้เห็นถึงความหนึบ และการทรงตัวเมื่อเบรกแรง

• ต่อเนื่องด้วยสถานีที่ 2 Mitsubishi Outlander PHEV ขับในวงเวียนที่ชุ่มด้วยน้ำ ฝุ่น

• พิสูจน์ของแท้ถึงความยอดเยี่ยม Super All-Wheel Control เอาอยู่ทุกโค้ง และขับสนุกมาก อย่าลืมว่ามีมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน

• Mitsubishi Outlander PHEV ออกจากวงเวียนแล้วมาที่สลาลอม ดูชัด ๆ กับตัวรถโยกไป - มาอย่างรวดเร็ว พวงมาลัยนุ่ม หักเลี้ยวไว แม่นยำ

`ชมคลิปทุกสถานีที่คลิปด้านล่างนี้`

• ไม่มีข้อกังขาสำหรับระบบความปลอดภัย และแฮนด์ลิ่งการขับขี่ของ Mitsubishi Outlander PHEV

• เหลือโจทย์ที่ว่าจะให้ลูกค้าได้สัมผัสจริงเร็วแค่ไหน เพราะอย่างที่ทราบว่ารูปโฉมเมื่อแรกเห็นนั้นดูธรรมดาไปหน่อย

• ส่วนราคาเปิดตัวเป็นสิ่งน่าครุ่นคิด โดนเปรียบเทียบกับ PHEV คู่แข่งในระดับเดียวกัน ซึ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้

• อีกทั้ง Mitsubishi Outlander PHEV ไม่ได้แถมโฮมชาร์จ (ราคา 40,000 - 60,000 บาท) เพียงสนับสนุนค่าติดตั้ง 20,000 บาทเท่านั้น

• Mitsubishi Outlander PHEV เติมพลังด้วยน้ำมันเบนซิน และชาร์จไฟฟ้า

• เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร รองรับได้ถึง E20 กำลังสูงสุด 128 แรงม้า PS แรงบิด 199 นิวตัน - เมตร

• Mitsubishi Outlander PHEV ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้ามอบพละกำลัง 82 แรงม้า PS แรงบิด 137 นิวตัน - เมตร

• มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง พลัง 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตัน - เมตร

• กำลังสูงสุดรวม 305 แรงม้า PS

• แบตเตอรี่ Lithium-ion 300 volts 13.8 kWh

• Mitsubishi Outlander PHEV มั่นใจทุกการเข้าโค้งด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super All-Wheel Control ประกอบด้วย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Active Stability Control (ASC)

• ระบบควบคุมการขับเคลื่อน และการเบรก ระหว่างล้อซ้าย - ขวา Active-Yaw Control (AYC) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า - หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ พร้อมเสถียรภาพ

• Super All-Wheel Control ยังทำงานร่วมกับโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วย Lock Mode มอบสมรรถนะเต็มรูปแบบของระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ

• Snow Mode ให้การควบคุม การยึดเกาะ และการควบคุมที่ดีเยี่ยม เมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น

• Normal Mode ควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อให้เหมาะกับสภาพการขับขี่

• Sport Mode เพิ่มความแม่นยำของคันเร่ง การควบคุม และการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ดีมากขึ้น

• Mitsubishi Outlander PHEV โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ EV Mode ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

• SERIES HYBRID Mode ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่

• PARALLEL HYBRID Mode เครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน

• การขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ จะถูกสลับปรับเปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกที่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าคืน (Regenerative Braking) เพื่อทำการชาร์จกระแสไฟฟ้าให้แก่แบตเตอรี่

• Mitsubishi Outlander PHEV ติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่อพร้อมระบบสั่งการอัจฉริยะ ที่สามารถใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ สามารถตั้งเวลาการชาร์จไฟฟ้า สั่งการเปิด - ปิด เครื่องปรับอากาศภายในรถจากระยะไกล และการตรวจสอบสถานะของตัวรถ

• Mitsubishi Outlander PHEV เบาะหนังดีไซน์ใหม่แบบ Diamond Quilting Cut

• Mitsubishi Outlander PHEV สามารถผลิต และจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ

• Mitsubishi Outlander PHEV ครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย อาทิ ระบบสัญญาณเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA)

• ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM)

• ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA)

• ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)

• ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ไม่ได้ทำหน้าที่แต่เฉพาะรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตรวจจับรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็ว และรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจนกว่ารถจะหยุด