549
คนดูทั้งหมด
เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ กระบะอเนกประสงค์

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มอบสมรรถนะเพื่อการใช้งานแบบอเนกประสงค์ ทั้งบนถนน และแบบออฟโรด ไปจนถึงตัวเลือกเครื่องยนต์ที่มอบทั้งความทนทาน และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง

• ตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบเดี่ยว และเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบเดี่ยว มาพร้อมตัวเลือก 2 แบบ คือ รุ่นที่ให้พละกำลัง 150 แรงม้า PS ที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที

• รุ่นที่ให้กำลัง 170 แรงม้า PS ที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิด 405 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที 

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ เครื่องยนต์ เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร พละกำลัง 210 แรงม้า PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที 

• เครื่องยนต์นี้อยู่ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่เช่นเดียวกัน เครื่องยนต์ดังกล่าวมีระบบบายพาสที่ชาญฉลาด ปรับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน

• เทอร์โบชาร์จ 2 ตัวจะทำงานร่วมกันที่รอบต่ำเพื่อเพิ่มกำลังแรงบิด และการตอบสนอง หรือปรับทำงานโดยไม่ผ่านเทอร์โบขนาดเล็ก เพื่อให้เทอร์โบขนาดใหญ่ส่งกำลังได้เต็มที่เมื่อต้องการ

• ฟอร์ดจำลองการใช้งานขั้นสุดของลูกค้าโดยติดเครื่องยนต์ และเร่งความเร็วสูงสุดไว้นานกว่า 700 ชั่วโมงต่อเนื่อง เทียบได้กับการเหยียบคันเร่งจนมิดวิ่งวนรอบโลก 6 รอบ และยังทดสอบในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ -40 ไปจนถึง 50 องศาเซลเซียส

• ระบบเกียร์ในฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบเดียวกับที่ใช้ในฟอร์ด F-150 และฟอร์ด F-150 แร็พเตอร์ ซึ่งได้รับการทดสอบมามากกว่า 6 ล้านกิโลเมตร

• ยังใช้ในการแข่งออฟโรดระยะทางกว่า 3,900 กิโลเมตร ซึ่งในการทดสอบนั้นยังรวมถึงการแข่งขัน Baja 1000

• ระบบเกียร์ดังกล่าวนี้มีในรถฟอร์ดที่มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร ทั้งในเรนเจอร์ และเอเวอเรสต์

 • นอกเหนือจากเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งมีอยู่ในเรนเจอร์รุ่นปัจจุบัน ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมตัวเลือกใหม่ ได้แก่ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่จับคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบเดี่ยว

• ฐานล้อที่กว้าง และยาวขึ้นของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการขับขี่ทั้งบนทางเรียบ และออฟโรด ด้วยมุมเงย 30 องศา (เพิ่มจาก 28.5 องศาในรุ่นก่อนหน้า) และมุมจากด้านหลัง 23 องศา (เพิ่มจาก 21 องศาในรุ่นก่อนหน้า) 

• เพิ่มความกว้างของกระบะท้ายให้ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ บรรทุกของได้มากขึ้น และปรับรูปแบบการใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น

• ตำแหน่งของโช้คที่อยู่ด้านนอกเพลา ทำให้การควบคุมรถทำได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะขนสิ่งของหนักหรือไม่ และช่วยลดปัญหาเรื่องการกระเด้งของรถกระบะทั่วไปที่มีโช้คด้านในเพลาเมื่อไม่ได้บรรทุกของ

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพื้นฐาน ซึ่งเป็น ‘ระบบชั่วคราว’ โดยมีทรานสเฟอร์เคสควบคุมด้วยไฟฟ้าทำงานแบบ 2 จังหวะ

• มี Shift-on-the-fly มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ 2H, 4H และ 4L เพื่อส่งกำลังอย่างต่อเนื่องสู่เพลาหน้า และหลังเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่บนทุกสภาพถนน

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังคงใช้เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ที่สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านหน้าจอระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A®

• เฟืองท้ายจะทำให้ล้อบนเพลาเดียวกันหมุนที่ความเร็วเท่ากัน เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนขณะขับขี่ออฟโรด

• ก่อนหน้านี้โหมดการขับขี่มาพร้อมกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เท่านั้น แต่ตอนนี้ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ก็มาพร้อมฟีเจอร์นี้แล้วเช่นกัน

• มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูงและบรรทุก (เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น) โหมดถนนลื่นสำหรับการขับขี่ทางเรียบ โหมดโคลน และโหมดทราย

• โหมดการขับขี่แต่ละโหมดจะปรับการทำงานระบบทั้งหมดให้เหมาะสม ตั้งแต่การเปลี่ยนเกียร์ไปถึงการตอบสนองของคันเร่ง ระบบควบคุมการทรงตัว และการยึดเกาะ ระบบเบรกอัตโนมัติ (ABS) และระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ หน้าจอแสดงผลสำหรับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC 4A® เพียงปลายนิ้วสัมผัส จะแสดงผลการตั้งค่าระบบส่งกำลัง และระบบดิฟล็อก องศาการบังคับควบคุมพวงมาลัย มุมการเอียงของรถ กล้องหน้าที่มาพร้อมเส้นกะระยะ

• ในห้องเครื่องยังมีพื้นที่ให้ติดตั้งแบตเตอรี่สำรองอีกลูก เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์การตั้งแคมป์ และอุปกรณ์อื่น ๆ 

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ อุปกรณ์เสริมแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถทำจากเหล็กตัดด้วยเลเซอร์ เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายต่อระบบบังคับเลี้ยว อ่างน้ำมันเครื่อง การเปลี่ยนเกียร์และระบบเกียร์

• แผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถมีการติดตั้งเข้ากับโครงรถ ส่งมอบความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ และยังถอดง่ายสะดวกต่อการซ่อมบำรุง

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัม ขณะรถจอดอยู่กับที่ และรับน้ำหนักได้มากถึง 85 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่

• การบรรทุกสัมภาระหลากหลายรูปแบบในบริเวณกระบะท้าย ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ เป็นรถที่อเนกประสงค์กว่าเคย ตั้งแต่ห่วงยึดสัมภาระบนท้ายกระบะ และขอบกระบะ

• จุดยึดอุปกรณ์ช่างบนฝาท้าย และจุดยึด 6 จุด สำหรับติดตั้ง และใช้งานอุปกรณ์เสริมบริเวณท้ายกระบะ

• ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร ที่ความเร็ว 7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เช่นเดียวกับเรนเจอร์รุ่นปัจจุบัน

• ทีมวิศวกรยังใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยงานด้านวิศวกรรมเพื่อให้มั่นใจว่าการทำงานด้านพลศาสตร์ของรถยนต์เมื่ออยู่ในน้ำจะดีเทียบเท่ากับเมื่ออยู่บนทางเรียบ ให้แน่ใจว่าน้ำจะไม่เข้าไปในบางจุด และระบบหลักยังทำงานได้หลังขึ้นจากน้ำ เช่น ไฟส่องสว่าง แตร

• ยังทดสอบการลุยน้ำขณะใช้เกียร์ถอยหลังอีกด้วย

• ทดสอบรถทั้งคันในสภาพแวดล้อมจริงแล้ว ฟอร์ดยังทดสอบส่วนประกอบเฉพาะชิ้นด้วย ตั้งแต่ระบบกันสั่นสะเทือน ชุดลาก โครงรถ ประตู ฝาท้าย แผงตัวถัง กันชน เบาะที่นั่ง และชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่ลูกค้าจับ สัมผัส หรือกระแทก

• ทดสอบจนกว่าชิ้นส่วนจะถึงจุดแตกสลายในสภาพแวดล้อมที่ควบคุม เพื่อค้นหาจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้น