• ปรับโฉม ฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชันที่ 11 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
• รุ่น e:HEV RS ราคาประมาณการ 1,23X,XXX บาท
• รุ่น e:HEV EL+ ราคาประมาณการ 1,09X,XXX บาท
• รุ่น EL+ ราคาประมาณการ 1,03X,XXX บาท
• จะประกาศราคา และเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 23 สิงหาคม 2567
• ข้อเสนอพิเศษ ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท เมื่อทำการจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 - 31 ตุลาคม 2567
• เตรียมพบกับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับลูกค้า และครอบครัวที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า รวมถึงแคมเปญ “Honda Happy Trade-in” และข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ
• ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อัปลุคดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น
• ใหม่ ! กระจังหน้า และกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
• ใหม่ ! ไฟท้าย LED รมดำ
• ใหม่ ! รุ่น e:HEV RS ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต
• ใหม่ ! รุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว
• ใหม่ ! รุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)
• ใหม่ ! ในรุ่น e:HEV RS เบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับ และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
• ตกแต่งแผงคอนโซลหน้า และแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต
• รุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้ และหนังสังเคราะห์สีดำ
• ใหม่ ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย
• ใหม่ เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย
• ใหม่ ! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
• ใหม่ ! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV เพื่อมอบการขับขี่ที่โดนใจสไตล์คุณ
• ใหม่ ! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
• ใหม่ ! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย
• ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ และรถยนต์ ในทุกรุ่นย่อย
• ใหม่ ! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง แบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย
• ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (TM) แบบไร้สาย
• รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย
• มาพร้อมสองทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานกำลังกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน แรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมัน 25 กิโลเมตรต่อลิตร
• ขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร ขับสนุก แรงเร้าใจ สไตล์สปอร์ต ด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที
• อัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร
• เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ในทุกรุ่นย่อย