• ประกาศแผนการปรับโฉมครั้งใหม่ของแบรนด์เลกซัสในงานเปิดตัว ‘เลกซัสคอนเซปต์’
• ตั้งแต่มีการเปิดตัว RX 400h รถยนต์หรูพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของโลกในปี 2005 จนถึงปัจจุบัน รถยนต์ไฮบริดจากเลกซัส จำหน่ายไปแล้วกว่าสองล้านคันทั่วโลก
• ปัจจุบันเลกซัสมีรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEVs) และรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEVs) ทั้งหมด 9 รุ่น ที่ทำตลาดใน 90 ประเทศตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก
• เลกซัสยังคงมุ่งพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Lexus Electrified’ ที่ได้ประกาศในปี 2019 ด้วยเป้าหมายที่จะกำหนดบรรทัดฐานใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีไฟฟ้ามาใช้งานจริง
• วันนี้เลกซัสจัดการเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกสำหรับ LF-Z Electrified คอนเซปต์คาร์ BEV ที่รวมเอาสมรรถนะการขับขี่ สไตล์ และเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน โดยวางยุทธศาสตร์ให้เป็นจริงได้ภายในปี 2025
• LF-Z Electrified มาพร้อมกับความสมดุลในการขับขี่ที่เกิดจากการจัดวางแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเหมาะสมที่สุด
• เทคโนโลยีควบคุมพลังขับเคลื่อนสี่ล้อแบบใหม่ที่เรียกว่า DIRECT4 ที่จะสร้างสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น และยืดหยุ่นอย่างมาก
• LF-Z Electrified การจัดวางชุดแบตเตอรี่ไว้ใต้พื้นรถในแนวยาว ทำให้แชสซีมีความแข็งแรงมากขึ้น และจุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำลง เพื่อเพิ่มความคล่องตัว
• การออกแบบลักษณะนี้ยังช่วยลดแรงสั่นสะเทือน และเสียงไม่พึงประสงค์ที่เข้าสู่ห้องโดยสารอีกด้วย
• LF-Z Electrified ส่วนควบคุมการขับขี่ที่ออกแบบตามคอนเซปต์ใหม่ ‘ทาซึนะ’ และภายในห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกเปิดโล่ง
• ทาซึนะ ภาษาญี่ปุ่นหมายถึง บังเหียน
• คอนเซปต์นี้ได้แรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ระหว่างม้ากับคนขี่ม้าที่สื่อสารกันผ่านบังเหียนเพียงเส้นเดียว สวิตช์ควบคุมต่าง ๆ จึงติดตั้งอยู่ที่พวงมาลัย
• ตัวรถมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่ออกแบบให้สอดรับกันอย่างดีเยี่ยม เพื่อสร้างพื้นที่ที่สามารถใช้งานได้หลายฟังก์ชัน เช่น ระบบการนำทาง ระบบเครื่องเสียง และการเลือกโหมดการขับขี่ที่เข้าถึงได้ขณะที่ผู้ขับขี่ใช้สมาธิกับการขับรถโดยไม่ต้องละสายตา หรือควบคุมสั่งการปุ่มต่าง ๆ ที่ซับซ้อน
• ส่วนควบคุมการขับขี่เป็นหัวใจหลักของตัวรถ โดยมีการจัดวางแผงควบคุมไว้ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับผู้ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสาร รวมถึงใช้วิธีการอื่น ๆ เพื่อสื่อถึงความ ‘มินิมอล’ อันสดใหม่ และพื้นที่ที่ให้ความรู้สึก ‘โอโมเตนาชิ’ อย่างแท้จริง
• ในรถยนต์ไฟฟ้า LF-Z ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเรียนรู้ลักษณะความต้องการ และพฤติกรรมของผู้ขับขี่จะคอยให้การสนับสนุนผู้ขับขี่อยู่ตลอดเวลา การสื่อสารด้วยเสียงพูดจะช่วยให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในขณะขับขี่
• ระบบจดจำเสียงพูดมีการใช้ AI ใหม่ล่าสุด เพื่อจดจำ เรียนรู้ ปรับให้เข้ากับนิสัย และความต้องการของผู้ขับขี่ เพื่อช่วยทำงานต่าง ๆ อย่างเช่นการระบุเส้นทางในการขับขี่ และการจองโต๊ะในร้านอาหาร
• การโต้ตอบในลักษณะนี้ระหว่าง AI กับผู้ขับขี่จะนำไปสู่การสนทนาที่มีประโยชน์อย่างมาก และทำให้ประสบการณ์การเป็นเจ้าของ และการขับขี่โดยรวมดียิ่งขึ้น เพิ่มสีสันให้กับชีวิตของผู้ใช้เสมือนมีผู้ดูแลไลฟ์สไตล์ส่วนตัว
• ระบบล็อกประตูอิเล็กทรอนิกส์ (อี-แลตช์) ช่วยให้การเปิด-ปิดประตูราบรื่น และปลอดภัยยิ่งขึ้น
• ขณะขึ้นรถ มือจับประตูแบบซ่อนได้ โดยจะยกตัวขึ้นเหนือพื้นผิวตัวถังรถอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารเข้าใกล้ตัวรถ และถือกุญแจไว้ในมือ
• สามารถล็อก และปลดล็อกประตูได้อย่างง่ายดาย โดยแตะที่เซ็นเซอร์บริเวณด้านในของมือจับประตู
• ขณะลงจากรถก็สามารถเปิดประตูรถได้โดยกดที่สวิตช์เปิดประตู
• ประโยชน์ที่เพิ่มเข้ามา คือเซ็นเซอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า LF-Z จะตรวจสอบพื้นที่โดยรอบว่ามีรถสวนมา หรือเบียดด้านข้างหรือไม่ก่อนที่ผู้โดยสารจะออกนอกตัวรถ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งให้แก่ผู้โดยสาร
• ระบบเครื่องเสียงเจเนอเรชั่นล้ำยุคจาก Mark Levinson ให้สัมผัสประสบการณ์ระดับคอนเสิร์ตฮอลล์ ฟังก์ชั่นการจัดการเสียงแห่งยุคหน้านี้มีคุณสมบัติตัดเสียงรบกวน ช่วยสร้างสุนทรียภาพความเป็นส่วนตัวให้กับผู้โดยสาร และทำให้พื้นที่ภายรถมีความเงียบสงบและสะดวกสบาย
• ภายในปี 2025 เลกซัสมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นปรับปรุงโฉม จำนวน 20 รุ่น รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10 รุ่น อย่างเช่นรถยนต์ BEV รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฮบริด (HEV) ตามความต้องการของแต่ละประเทศ และภูมิภาคทั่วโลก
• เลกซัสมีเป้าหมายที่จะนำเสนอทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ทุกรุ่นภายในปี 2025 โดยตั้งเป้าหมายให้มีอัตราการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมันภายในปี 2050
• ในเดือนมีนาคม 2024 เลกซัสจะเปิดธุรกิจและศูนย์เทคโนโลยีแห่งใหม่ขึ้นที่ศูนย์เทคนิคโตโยต้าชิโมยามะ (TTCS) โดยรวบรวมทีมงานที่เกี่ยวข้องในด้านการพัฒนา การออกแบบ เทคโนโลยีการผลิต และการวางแผนของแบรนด์เลกซัสจะรวมตัวกันเพื่อส่งเสริม ‘การสร้างรถยนต์ที่ดียิ่งขึ้น’ ที่จะสามารถสร้างรอยยิ้มให้แก่ลูกค้าได้ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านทางด้านยานยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่เชื่อกันว่าจะเกิดขึ้นเพียงศตวรรษละหนึ่งครั้ง