8.50K
คนดูทั้งหมด
รถกระบะมิตซูบิชิ ฉลอง 40 ปี

• ก่อนที่จะพบกับยนตรกรรมกระบะรุ่นใหม่แห่งอนาคตพร้อมแล้วสำหรับการเผยโฉมเร็ว ๆ นี้

• ร่วมรำลึกย้อนดูถึงการเดินทางของรถกระบะมิตซูบิชิจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ฟอร์เต้ ไทรทัน และ แอล200

เจนเนอเรชั่นที่ 1 พ.ศ. 2521

ฟอร์เต้ หรือ แอล200 (FORTE / L200)

• ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมักใช้รถกระบะขนาดเล็กสำหรับการเดินทางไปโรงเรียนหรือที่ทำงาน และใช้สำหรับเดินทางไปทำกิจกรรมยามว่าง

• มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เผยโฉมรถกระบะขนาดหนึ่งตันครั้งแรกโดยใช้ชื่อ ฟอร์เต้ (FORTE) เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2521 และเริ่มการส่งออกไปยังอเมริกาเหนือในเดือนตุลาคมในปีเดียวกัน โดยชื่อ ‘ฟอร์เต้’ มีความหมายในภาษาอิตาลีว่า ‘แข็งแกร่ง’

• ยานยนต์ต้นแบบยังได้รับการทดสอบอย่างหนักทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ ประเทศไทย และซาอุดิอาระเบีย เพื่อให้มั่นใจในสมรรถนะและความแข็งแกร่ง

• รถกระบะ มิตซูบิชิ ฟอร์เต้ กว่า 657,000 คัน ได้ผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตยานยนต์ในเขตโอเอะ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก และมีบางส่วนผลิตขึ้นที่ศูนย์การผลิตแหลมฉบังในประเทศไทย

• แนวทางการออกแบบของรถกระบะ มิตซูบิชิ ฟอร์เต้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับรถยนต์นั่งขนาดคอมแพคซีดานอย่าง กาแลนท์ ซิกม่า ด้วยดีไซน์ด้านหน้าเสมือนจมูกที่ยาวเป็นเอกลักษณ์ และการติดตั้งสเกิร์ตบนรถกระบะเป็นครั้งแรก รวมถึงโคมไฟหน้าแบบกลมสี่ดวง

• มิตซูบิชิ ฟอร์เต้ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร และ 2.6 ลิตร สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ และขนาด 1.6 ลิตรสำหรับประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคอื่น ๆ

• เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร ผลิตขึ้นสำหรับตลาดส่งออก ด้วยตัวถังที่กว้างถึง 1,360 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อยาวถึง 2,780 มิลลิเมตร

• ระบบดิสก์เบรกล้อหน้า ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง และแหนบลดการสั่นสะเทือน พร้อมเพลาท้ายรถที่แข็งแกร่ง

• เทคโนโลยีภายในห้องโดยสารส่งผลให้ช่วยลดเสียงรบกวน ลดความกระด้าง และลดอาการสั่นสะเทือนของตัวรถ โดยการใช้เพลากลางแบบสองชิ้น และวัสดุปิดซีลที่ติดตั้งไว้เป็นจำนวนมาก

• มิตซูบิชิ มอเตอร์ส นำเอาความเชี่ยวชาญที่ได้จากประสบการณ์นานหลายปีในการผลิตรถจี๊ปมาพัฒนาต่อยอดเป็นกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ทไทม์ ที่มาพร้อมกับโซ่ราวลิ้นซับเสียง จึงช่วยลดเสียงดังจากการทำงานของระบบส่งกำลัง เสริมประสิทธิภาพให้รถสามารถขับเคลื่อน และเร่งอัตราความเร็วได้อย่างเต็มกำลัง

• มิตซูบิชิ ฟอร์เต้ ยังนับเป็นการบุกเบิกยนตรกรรมกลุ่มขับเคลื่อนสี่ล้อที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในเวลาต่อมา ได้แก่ มิตซูบิชิ ปาเจโร หรือมอนเทโร และ มิตซูบิชิ เดลิกา

เจนเนอเรชั่นที่ 2 พ.ศ. 2529

สตราด้า หรือ แอล200 (STRADA / L200)

• รถกระบะมิตซูบิชิได้ทำการพลิกโฉมอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2529 กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ เส้นสายที่ทำให้มีรูปทรงแกร่งทันสมัย และเสริมประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์

• ครบครันด้วยประเภทตัวถังทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ ซิงเกิ้ลแค็บ คลับแค็บ และดับเบิลแค็บ โดยสไตล์ตัวถังทั้งแบบสั้นและยาว มีให้เลือกเป็นออพชั่นสำหรับรุ่น ซิงเกิ้ลแค็บ พร้อมระบบขับเคลื่อนทั้งแบบสองล้อและสี่ล้อ

• เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร และ 2.6 ลิตร รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร 

• รถกระบะมิตซูบิชิในยุคนี้ได้มีการเปลี่ยนมาใช้ชื่อ สตราด้า (STRADA) โดยรุ่นดับเบิลแค็บเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2534 ทั้งนี้อาจมีการใช้ชื่ออื่นในภูมิภาคที่แตกต่างกัน เช่น ไมตี้ แมกซ์ (MIGHTY MAX) ในอเมริกาเหนือ และ ไทรทัน (TRITON) ในออสเตรเลีย รวมถึง แอล200 (L200) ในภูมิภาคอื่น ๆ โดยในอเมริกาเหนือยังได้จำหน่ายภายใต้แบรนด์ ‘ดอดจ์’ รุ่นแรม 50 (DODGE RAM 50)

• ผลิตขึ้นกว่า 1,146,000 คัน ที่ศูนย์การผลิตยานยนต์ เขตโอเอะ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น และที่ศูนย์การผลิตยานยนต์แหลมฉบัง ประเทศไทย

เจนเนอเรชั่นที่ 3 พ.ศ. 2538

สตราด้า หรือ แอล200 (STRADA / L200)

• รถกระบะมิตซูบิชิ เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายใต้ชื่อ สตราด้า หรือ แอล200 เริ่มผลิตขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ 2538 ด้วยดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน มิตซูบิชิ สตราด้า หรือ แอล200 จึงมีสไตล์โดดเด่นโฉบเฉี่ยวตรงกับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในชีวิตประจำวันแทนรถซีดาน

• โดดเด่นด้วยความกว้างขวาง สามารถรองรับการโดยสาร 5 ที่นั่ง 

• พละกำลังและสมรรถนะในการขับเคลื่อนแบบออฟโรด ได้รับการยกระดับด้วยเครื่องยนต์ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบ ดีเซล ขนาด 2.5 ลิตร มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Easy Select 4WD

• มิตซูบิชิ สตราด้า หรือ แอล200 นอกจากจะจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ยังส่งออกไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งในทวีปยุโรป โอเชียเนีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ด้วยยอดผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 1,046,000 คัน 

• ความประณีตในรายละเอียดของขอบประตูห้องโดยสาร และการบุเสริมด้วยวัสดุนุ่มเพื่อเพิ่มความสบายตลอดการเดินทาง

• พื้นที่บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถกระบะในระดับเดียวกัน

• ยกระดับระบบความปลอดภัยทั้งเชิงปกป้องและป้องกัน เช่น ถุงลมนิรภัยด้านข้างคนขับ กระจกหน้าต่างไฟฟ้าปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติป้องกันการหนีบ รวมถึงไฟเบรกดวงที่ 3

• ในบางรุ่นยังติดตั้งระบบ ABS ช่วยป้องกันล้อล็อกขณะเบรก และระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ด Hybrid LSD

เจนเนอเรชั่นที่ 4 พ.ศ. 2548

ไทรทัน หรือ แอล200 (TRITON / L200)

• พลิกโฉมรถกระบะมิตซูบิชิอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง และหลังจากการเปิดตัวในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการส่งออกไปยังกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส โดยผลิตขึ้นรวมทั้งสิ้นกว่า 1,423,000 คัน 

• นับว่าเป็นรถกระบะที่มีห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางที่สุดในบรรดารถกระบะระดับเดียวกัน 

• เครื่องยนต์ดีเซล ใหม่ ระบบไดเรกอินเจ็กชั่น คอมมอนเรล ที่มีพละกำลังและสมรรถนะมากขึ้น พร้อมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ อีกทั้งยังช่วยลดไอเสียและเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ 

• เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ใหม่ ขนาด 2.5 ลิตร และ 3.2 ลิตร 

• ระบบขับเคลื่อนแบบสองล้อและสี่ล้อ (Easy Select 4WD และ Super Select 4WD)

• มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล200 ยังได้รับการยอมรับในวงกว้างในด้านความแข็งแกร่ง และสมรรถนะของระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ โดยมีบทพิสูจน์จากการเข้าร่วมแข่งขันในรายการดาการ์แรลลี่ รวมถึงการแข่งขันระดับโลกต่าง ๆ

เจนเนอเรชั่นที่ 5 พ.ศ. 2558

ไทรทัน หรือ แอล200 (TRITON / L200)

• มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.5 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาให้ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

• เครื่องยนต์ MIVEC คลีนเทอร์โบ ดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่มีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงในระดับสูงสุดจึงช่วยลดไอเสีย

• ระบบส่งกำลังแบบธรรมดา 6 จังหวะ และระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถกระบะมิตซูบิชิ

• ระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ ยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน โดยระบบ Easy Select 4WD ประกอบด้วย 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดขับเคลื่อนสองล้อหลัง (2H) และโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วสูง (4H) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) เพื่อสร้างแรงฉุดที่เหมาะสมกับถนนสภาพต่าง ๆ ในขณะที่การขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Super Select 4WD-II มีการควบคุมการเปลี่ยนโหมดขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า 

• มิตซูบิชิ ไทรทัน หรือ แอล200 มีระบบขับเคลื่อนแบบสองล้อในรุ่นมาตรฐาน และในรุ่นยกสูงซึ่งมีระยะความสูงจากพื้นเทียบเท่ากับรุ่นระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

• REVIEW : PAJERO SPORT 4WD

• เที่ยวบ้านกรูด TRITON ATHLETE