1.28K
คนดูทั้งหมด
กว่าจะเป็น ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ในสนามออฟโรด

• ฟอร์ด ประเทศไทย เตรียมส่งรถแข่ง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จำนวน 2 คัน ลุยศึกรายการเอเชีย ครอส คันทรี่ แรลลี่ ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 9 - 16 สิงหาคมนี้ บนเส้นทางสุดหินเริ่มจากพัทยา จังหวัดชลบุรี - ปราจีนบุรี - นครราชสีมา และกลับมาเข้าเส้นชัยที่เมืองพัทยาอีกครั้ง 

• พร้อมพิสูจน์ความ ‘แกร่งจริงทุกคัน ดุดันทุกสถานการณ์’ ต่อสายตาแฟนมอเตอร์สปอร์ตออฟโรดและคนรักฟอร์ด

• ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คันแรกขับโดยคู่หูมากประสบการณ์ ไมเคิล ฟรีแมน และผู้นำทาง ไชยยา ชมมาลี

• ส่วนอีกคันหนึ่งขับโดย เบลี่ย์ โคล นักแข่งระดับโลกที่มากประสบการณ์บนทางลุย มาประกบกับ เพื่อน-ศิณพพงษ์ ไตรรัตน์ เนวิเกเตอร์ชาวไทยผู้เคยมีบทบาทในการพัฒนารถแข่งระดับโลกมาแล้ว

• แร็พเตอร์’ ไม่ได้เป็นเพียงรถกระบะสมรรถนะสูงทั่วไป แต่เกิดมาเพื่อพิชิตสนามออฟโรดทั้งในประเทศ และบนเวทีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Baja 1000, Finke Desert Race

• ล่าสุดในการแข่งขันสุดโหดอย่าง ดาการ์ แรลลี่ 2025 ที่ใช้เวลาการแข่งขันยาวนานถึงสองสัปดาห์ในทะเลทรายที่โหดร้ายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย

• ฟอร์ด แร็พเตอร์ T1+ จากทีมฟอร์ด เอ็ม-สปอร์ต (Ford M-Sport) ขับโดยแมทเทียส เอ็กสตร็อม นักแข่งแรลลี่ระดับโลก และ เอมิล เบิร์กควิสต์ เนวิเกเตอร์ผู้ช่ำชองจากสวีเดน คว้าอันดับ 3 Overall ในคลาส Ultimate ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุดของรายการมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี

เกิดมาพร้อมช่วงล่างสำหรับออฟโรด

• ชัยชนะของ ‘แร็พเตอร์’ บนสนามแข่งขันออฟโรดสุดโหด เป็นบทพิสูจน์ของความมุ่งมั่น และประสบการณ์อันยาวนานของทีมวิศวกร และนักออกแบบของฟอร์ด ที่ร่วมกันสั่งสม และถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความแกร่งลงในทุกรายละเอียดของรถคันนี้

• มาร์ค รัชบรูค ผู้อำนวยการทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เผยว่า แรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างแร็พเตอร์ มาจาก Baja 1000 สนามแข่งสุดโหดระดับตำนาน ที่ทำให้ทีมสามารถพัฒนารถไม่ใช่แค่สำหรับการแข่งขัน แต่ยังพร้อมส่งมอบสมรรถนะแบบเดียวกันนี้ให้กับลูกค้าใช้ได้จริงมากว่าสองทศวรรษ

• เทคโนโลยีช่วงล่าง และโช้คอัพ FOX ที่ล้ำสมัย คือเบื้องหลังปรัชญาการออกแบบแร็พเตอร์ ถูกพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ ฟอร์ด F-150 แร็พเตอร์ รุ่นแรก ที่เลือกใช้โช้คอัพ FOX แบบ Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว มีการอัปเกรดเป็น โช้คอัพขนาด 3 นิ้ว เพิ่มความสามารถในการซับแรงกระแทก

• พัฒนาไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีไลฟ์วาล์ว (Live Valve) ที่สามารถประมวลผลลักษณะภูมิประเทศแบบเรียลไทม์

• ปัจจุบัน F-150 แร็พเตอร์ รุ่นปี 2024 ได้รับการติดตั้ง โช้ค FOX Live Valve Internal Bypass ขนาด 3 นิ้ว แบบคู่รุ่นล่าสุด ที่ไม่เพียงมอบความนุ่มนวลในทุกจังหวะการขับขี่ แต่ยังชาญฉลาดพอที่จะช่วยให้ทั้งเจ้าของรถ และนักแข่งปรับตัวเข้ากับเส้นทางสุดโหดได้อย่างไร้รอยต่อ

• ปัจจุบันแฟนๆ ชาวไทยก็สามารถเป็นเจ้าของ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร ที่ใช้ช่วงล่าง FOXTM แบบ Live Valve Internal Bypass 2.5 นิ้ว 

• ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร รุ่นเดียวกับที่ใช้พัฒนาลงแข่ง ที่ใช้โช้คอัพ FOXTM แบบ Internal Bypass 2.5 นิ้ว พร้อมสัมผัสฉายา ‘แกร่งจริงทุกคัน ดุดันทุกสถานการณ์’ หรือทดสอบขับได้แล้วที่โชว์รูมฟอร์ด

ครอบครัวแร็พเตอร์สำหรับทุกการผจญภัย

• ฟอร์ดขยายไลน์อัปของครอบครัว ‘แร็พเตอร์’ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์ด F-150 แร็พเตอร์ ที่บุกเบิกความเป็นสุดยอดของรถกระบะสมรรถนะสูง

• ฟอร์ด บรองโก แร็พเตอร์ เป็นรถนั่งอเนกประสงค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากการแข่งขัน Ultra4 ที่นับเป็นหนึ่งในรายการแข่งขันออฟโรดที่ทรหดที่สุดที่ต้องแข่งในทะเลทรายและทางหิน 

• ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เป็นรถกระบะสำหรับทั้งการใช้งาน การท่องเที่ยวสมบุกสมบัน โดยสามารถเลือกใช้โหมดบาฮาขับขี่เพื่อความสนุกสนานสำหรับลูกค้าทั่วโลกและในประเทศไทย

• ดีเอ็นเอของรถแร็พเตอร์ทุกคัน คือการผสานเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัยและแม่นยำ สมรรถนะที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งรถ และความมุ่งมั่นของฟอร์ดที่จะมอบความตื่นเต้นในการก้าวข้ามขีดจำกัดในการใช้ชีวิตให้กับลูกค้า

• ดีเอ็นเอดังกล่าวได้ก่อให้เกิดชุมชนคนรักแร็พเตอร์ไปทั่วโลก รวมกว่าหลายแสนคนที่มีใจรักในการผจญภัย และการแสวงหาประสบการณ์ออฟโรดขั้นสุดยอด

แรงบันดาลใจจากเวทีระดับโลก สู่ทางฝุ่นระดับเอเชียโดยฟอร์ด ประเทศไทย 

• ฟอร์ด ประเทศไทย ได้จับมือกับทีมฟีลลิค อินโนเวชันมอเตอร์สปอร์ต นำโดยผู้อำนวยการทีมไมเคิล ฟรีแมน ก่อตั้งทีมแข่งออฟโรดของฟอร์ดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นปีที่ได้ลงแข่งเอเชีย ครอส คันทรี่ แรลลี่ เป็นครั้งแรก

• ต่อมาในปี 2567 ได้ส่งแร็พเตอร์ลงแข่งถึง 2 คัน และสามารถคว้ารางวัลอันดับ 4 ในรุ่นทีทูเอ หรือโปรดักชัน เอเชีย และรางวัลอันดับ 8 Overall มาได้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และพลังของทีมที่พร้อมท้าทายเส้นทางออฟโรดสุดโหดอย่างแท้จริง