• • • ทริปอันน่าตื่นเต้น ขับลอดอุโมงค์เหมืองแร่กับฟอร์ด เรนเจอร์ ที่จังหวัดกาญจนบุรี เพิ่งผ่านไป และก่อนหน้านี้ Drive Tripper (ไดร์ฟ ทริปเปอร์) ได้ขับฟอร์ด เอเวอเรสต์ เที่ยวเมืองเลย
การขับขี่ปกติในชีวิตประจำวัน เมื่อรถแสดงสัญญาณไฟแจ้งเตือนระดับน้ำมัน บางทีเราอาจจะเคยได้ยินว่าการเติมน้ำมันในตอนเช้าจะคุ้ม และได้ปริมาณน้ำมันมากกว่า หรือแม้กระทั่งความเชื่อที่ว่าหากเติมน้ำมันที่ใช้กับเครื่องบินแล้วรถจะวิ่งไวขึ้น ความเชื่อเหล่านี้อาจฟังแล้วน่าตื่นเต้น แต่ว่าเป็นความจริงไหม
มร.คอลิน ฮาร์ดิ้ง วิศวกรอาวุโสที่ทำงานร่วมกับทีมฟอร์ดในการออกแบบแผงหน้าปัดรถยนต์เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่อ่านค่าต่าง ๆ จากมิเตอร์วัดความเร็วรถ
มร.ฮาร์ดิ้ง และทีมงานถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเลขไมล์รถยนต์ในทุกด้าน และพวกเขาได้ทุ่มเทเวลาอย่างมากเพื่อทดสอบว่าอะไรบ้างที่จะทำให้น้ำมันรถหมด
พบว่ามีความเชื่อผิด ๆ 5 ข้อ เกี่ยวกับการเติมน้ำมันรถดังต่อไปนี้
1. เติมน้ำมันช่วงเช้าคุ้มค่า และได้ปริมาณน้ำมันมากกว่า
• ฟังดูเข้าท่าแต่ไม่ถูกต้อง เบื้องหลังของความเชื่อนี้มาจากทฤษฎีที่ว่าน้ำมันขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งนี่เป็นความจริง ดังนั้นหากอุณหภูมิต่ำลงในช่วงเช้า ก็อาจแปลว่าเราจะได้น้ำมันในถังเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ
แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำมันถูกกักเก็บอยู่ในถังที่ฝังอยู่ใต้ดิน ดังนั้นการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอุณหภูมิในแต่ช่วงเวลาของวันไม่อาจส่งผลต่อปริมาณความหนาแน่นของน้ำมัน คราวนี้คุณจะเติมน้ำมันเวลาไหนก็ไม่สำคัญ
2. ปล่อยให้น้ำมันในถังเหลือน้อยจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์
• ไม่เป็นความจริง ความเชื่อผิด ๆ ของคนส่วนใหญ่ คือมักคิดว่าหากขับรถโดยมีไอระเหยจากบริเวณที่ว่างในถังน้ำมัน เครื่องยนต์จะสูบเอา ‘ขยะ’ และตะกอนน้ำมันจากด้านล่างของถัง
อย่างไรก็ตาม ถังน้ำมันได้รับการออกแบบให้จ่ายน้ำมันสู่ท่อจ่ายจากด้านล่างซึ่งเป็นบริเวณที่บรรจุน้ำมัน นั่นหมายความว่าท่อจ่ายจะสามารถดึงน้ำมันออกมาได้ตลอดเวลา ดังนั้นไม่ว่าน้ำมันจะเหลือน้อยหรือเต็มถังก็ไม่สามารถส่งผลต่อคุณภาพของเชื้อเพลิงได้
3. น้ำมันเกรดพรีเมียมช่วยให้รถยนต์ธรรมดา ๆ มีประสิทธิภาพดีขึ้น
• เมื่อเราแวะจอดเติมน้ำมัน เราอาจเห็นคำโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ มากมาย ทั้งยังมีประเภทน้ำมันรถ และน้ำมันหล่อลื่นให้เลือกละลานตา บางคุณอาจต้องจ่ายเงินเกินความจำเป็นให้กับสิ่งเหล่านี้ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่สะอาดไปกว่าน้ำมันชนิดปกติเลยแม้แต่น้อย
จริงอยู่ที่ว่าน้ำมันเกรดพรีเมียมนั้นเผาไหม้ได้ยากกว่า ซึ่งส่งผลดีต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นประโยชน์สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากน้ำมันทุกชนิดต่างก็ต้องมีมาตรฐานระดับเดียวกัน
4. มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองในรถอ่านค่าไม่ตรง
• ไม่จริงเสียทีเดียว แม้ว่าเกจน้ำมันจะบอกผู้ขับขี่ถึงปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่ในถัง แต่มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองคำนวณค่าจากรูปแบบการขับขี่ในระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น หากขับรถบนทางด่วนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยใช้น้ำมัน 6 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร จากนั้นจึงออกจากทางด่วนแล้วมุ่งเข้าสู่เมือง โดยใช้น้ำมัน 12 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร แผงหน้าปัดจะใช้เวลาเล็กน้อยในการปรับสู่สภาพการขับขี่ใหม่
ดังนั้นในช่วงที่ระบบกำลังปรับสภาพ อาจมีการอ่านระยะทางผิดพลาดชั่วคราว เช่น ขับจริง 1 กิโลเมตร ระบบจะแสดงระยะทางเกินกว่านั้น เป็นต้น
5. น้ำมันเครื่องบินช่วยให้รถวิ่งได้ไวขึ้น
• ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่นอน เครื่องยนต์ทั่วไปไม่สามารถสันดาปน้ำมันก๊าดซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องบินได้ ดังนั้นหากคิดจะลอง ขอให้หยุดความคิดนั้นไว้แล้วหันกลับไปใช้น้ำมันรถปกติก่อนที่จะต้องเสียเงิน และเสียเวลาโดยใช่เหตุ