• • • เพียงแค่รูปโฉมก็สร้างแรงดึงดูดให้เข้าไปหา ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก
5 ประตู กับ 5 ความแตกต่าง และ 5 บทสรุปเบื้องต้น
1 : ยาง
• สวมยางขนาดเดียวกันกับฮอนด้า ซีวิค 4 ประตู 1.5 VTEC TURBO คือ 215/50 R17 แต่เปลี่ยนมาใช้ยาง Yokohama Advan dB decibel เพื่อความเหมาะสมกับลักษณะตัวถังและน้ำหนักของฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก
ขณะที่ ฮอนด้า ซีวิค 4 ประตู 1.5 VTEC TURBO สวมยาง Bridgestone Turanza ER33 ซึ่งยางทั้งสองรุ่นต่างก็มีจุดเด่นที่ลงตัวกับมิติและตัวถังของแต่ละรุ่น
2 : ช่วงล่าง
• Mr.Mitsuru Kariya ตำแหน่ง Chief Engineer Global Development Leader ให้ข้อมูลว่า ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก มีการเซทช่วงล่างใหม่
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ รวมถึงระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ มีจุดยึดบนซับเฟรมหลังที่แข็งแรงขึ้น และให้การทรงตัวที่ดีเยี่ยม
นับเป็นครั้งแรกที่มีการนำบูชยางแบบไฮดรอลิกมาใช้ทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งใช้กับรถยนต์รุ่นใหญ่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ และช่วยลดแรงสั่นสะเทือน
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ยังมีการใช้เหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งด้านหน้าและหลังเพื่อให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และลดอาการโคลงตัวของรถได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น
ระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันแสตรัท ของฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการขับที่เน้นสมรรถนะ และการตอบสนองต่อการขับเคลื่อนที่ฉับไว ทั้งยังให้ความนุ่มนวลและการทรงตัวที่ดี
โดยแขนปีกนกล่างเชื่อมต่อเข้ากับซับเฟรมด้านหน้าและตัวถังผ่านทางบูชที่มีการบรรจุของเหลวเอาไว้ภายใน ซึ่งช่วยขจัดปัญหาเรื่องเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง (NVH) ที่มาจากถนน
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใช้ช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงค์ ประกอบไปด้วยแขนยึดเหล็กปั๊มขึ้นรูป ดุมล้อ ที่ผลิตจากอะลูมิเนียม อัลลอย และเหล็กกันโคลง
ปีกนกหลังมีขนาดที่ใหญ่และยาวขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน
ในส่วนของเทรลลิงอาร์มจะถูกติดตั้งอยู่ที่โครงสร้างตัวถังผ่านทางบูชที่มีการบรรจุของเหลวเอาไว้ภายใน เพื่อช่วยลดเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน และความกระด้าง (NVH) ในขณะขับขี่ โดยที่ยังคงความแม่นยำในการควบคุมรถเอาไว้
3 : หลักอากาศพลศาสตร์
• ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ใช้ตัวถังส่วนหน้า และมีระยะฐานล้อเดียวกันกับ ซีวิค ใหม่ รุ่นปัจจุบัน แต่ระยะตัวถังตั้งแต่เสากลาง หรือ B-Pillar ไปจนถึงด้านท้ายของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ โดยแนวเส้นหลังคาด้านท้ายจะมีความสูงมากกว่ารุ่นซีดาน เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ขณะที่ระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านท้ายของตัวรถสั้นลงเพื่อให้อารมณ์ความสปอร์ต
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก โฉบเฉี่ยวและปราดเปรียวสอดคล้องกับหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุดในกลุ่มรถยนต์ระดับคอมแพ็คท์ ด้วยการสร้างสมดุลในการทรงตัวที่ดีระหว่างการใช้ความเร็วสูง และลดแรงฉุดที่เกิดขึ้นในขณะที่รถกำลังลดความเร็วให้ต่ำลง เป็นผลมาจากการออกแบบและการจัดระเบียบทิศทางการไหลของกระแสลมที่เกิดขึ้นทั้งด้านบนและด้านล่างของตัวถังเพื่อช่วยลดแรงยกตัวที่กระทำต่อตัวรถเมื่อแล่นด้วยความเร็วสูง
ในส่วนของค่า CdA เป็นการผสมผสานระหว่างค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) กับพื้นที่หน้าตัดด้านหน้า (A) ได้รับการปรับปรุงจนทำให้ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก มีความโดดเด่นในเรื่องนี้กว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน (จากการทดสอบภายในของฮอนด้า)
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ออกแบบเสากระจกบังลมหน้า รวมถึงกันชนหน้า-หลัง ช่วยลดกระแสลมหมุนวนที่เกิดขึ้นในขณะที่อากาศกำลังไหลผ่านตัวถัง
กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ช่วยลดปัญหาเรื่องการสูญเสียปริมาณลมที่ไหลผ่านเข้ามาเพื่อช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์
นอกจากนี้ ทีมวิศวกรผู้พัฒนายังได้ออกแบบและปรับปรุงในส่วนต่าง ๆ ของฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ที่จะส่งผลต่อความเพรียวลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ อาทิ การปรับลดระยะ โอเวอร์แฮงค์บริเวณตัวถังด้านหน้าลง หม้อพักไอเสียที่ติดตั้งแผ่นเหล็กรูปทรงเพรียวลม การลดช่องว่างบริเวณรอยต่อของตัวถังให้เหลือน้อยที่สุด และการติดตั้งสปอยเลอร์บริเวณด้านล่างฝากระโปรง เป็นต้น
4 : พื้นที่เก็บสัมภาระ
• ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ให้พื้นที่บรรจุสัมภาระด้านท้าย 414 ลิตร โดยพนักพิงของเบาะหลังสามารถปรับพับแยกได้แบบ 60:40 ซึ่งหากปรับพับเบาะที่นั่งด้านหลังลงทั้งหมด จะช่วยเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากยิ่งขึ้น
มาพร้อมม่านปิดสัมภาระที่สามารถเลือกปิดเก็บได้ทั้งซ้ายหรือขวา เพื่อป้องกันการมองเห็นสัมภาระที่อยู่ด้านท้าย
5 : Man Maximum, Machine Minimum
• ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ยังคงยึดหลัก ‘Man Maximum, Machine Minimum’ ที่ให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก
ฝากระโปรงหน้าถูกปรับให้ลดต่ำลง และการออกแบบให้เสากระจกบังลมหน้า หรือ A-Pillar บางขึ้น ช่วยลดปัญหาการบดบังทัศนวิสัยบริเวณด้านหน้า และยังช่วยให้มุมมองบนเส้นทางด้านหน้ากว้างขึ้น
เบาะที่นั่งคนขับอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำ ช่วยสร้างความรู้สึกมั่นใจและอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น
ส่วนผู้โดยสารด้านหลังสามารถมองเห็นด้านหน้าได้อย่างชัดเจนขึ้น เนื่องจากการออกแบบรูปทรงส่วนบนของเบาะที่นั่งคู่หน้าให้มีลักษณะที่แคบลง และหมอนรองศรีษะที่มีขนาดกะทัดรัด
GROUP TEST : หัวหิน-แก่งกระจาน-หัวหิน
• บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนร่วมทดลองขับ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก เส้นทางหัวหิน-เขื่อนแก่งกระจาน-หัวหิน
ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก คันละสองท่าน โดย Drive Tripper ประจำการณ์ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ตัวถังสีขาว และขับเป็นมือแรก เส้นทางผ่านเมืองหัวหิน เลี้ยวขวาเข้าบายพาส จากนั้นเข้าถนนหลัก พอถึงกิโลเมตรที่ 88 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 3499 สองเลนสวน ไปยังจุดพักรับประทานอาหารกลางวันที่เขื่อนแก่งกระจาน
ในช่วงแรกนี้ขับผ่านเมือง มีเร่งแซง สลับเลนบ่อย รวมถึงลองใช้แพดเดิ้ลชิพท์ เปลี่ยนเกียร์ที่แป้นหลังพวงมาลัย
สปีดเร็วเมื่อการจราจรโล่ง ขับขี่ 100-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รวมระยะทาง 117.1 กิโลเมตร หน้าปัดแสดง 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อถึงเขื่อนแก่งกระจาน
ภาคบ่ายกลับจากเขื่อนแก่งกระจานเข้าเมืองหัวหิน ยังเป็นทางสองเลนสวน รถชะลอช้า เข้าเมือง มีซิกแซก สลับเลนบ่อย ทางตรงลองแตะ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
กลับมายังจุดเริ่มต้น จบทริปที่ระยะทาง 257.7 กิโลเมตร หน้าปัดแสดง 12.0 กิโลเมตรต่อลิตร
5 บทสรุปเบื้องต้น
• ข้อหนึ่ง, เบาะนั่งคนขับ : แม้เป็นเบาะปรับไฟฟ้าที่สุภาพสตรีสามารถปรับได้ตามความถนัด แต่โดยส่วนตัวชอบปรับเบาะนั่งลงต่ำสุด ซึ่งฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ตอบโจทย์ตรงนี้ ให้ทัศนวิสัยมองด้านหน้าได้เคลียร์ ไม่ผลุบต่ำเกินไป เรียกว่าพอเหมาะกับท่าขับสปอร์ต นั่งกระชับ และได้ลองนั่งด้านหลัง ศีรษะไม่ติดเพดาน นั่งสบาย
ในสไตล์รถแฮทช์แบ็ก เมื่อขับขี่แล้วมองกระจกมองหลัง ก็จะเห็นสปอยเลอร์อยู่ที่กระจกหลัง บางท่านชอบเพราะได้อารมณ์สปอร์ต บางท่านก็อาจไม่มั่นใจเหมือนมีอะไรมาขวางตา ฉะนั้นต้องไปลองขับว่าเหมาะสมกับองศาของสายตาเราหรือไม่
ข้อสอง, ช่วงล่าง : ด้วยมิติตัวถังและการเซทช่วงล่างใหม่ ทำให้ ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก เป็นไปตามอย่างคาดหวังสำหรับรถสไตล์นี้ ตอบโจทย์ท้องถนนในบ้านเรา คือเปลี่ยนเลนบ่อย บางครั้งก็ซิกแซก ซึ่งไม่ใช่การซิ่งนะครับ หมายถึงเอาตัวเองออกจากพื้นที่สุ่มเสี่ยงมายังพื้นที่ปลอดภัย พบว่า ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก แทบไม่มีอาการยวบยาบของช่วงล่าง ทำให้การควบคุมตัวถังเป็นไปได้ง่ายและมีเสถียรภาพ
มาถึงช่วงส่งเข้าโค้ง แน่นอนว่าเกาะถนนกว่าฮอนด้า ซีวิค 4 ประตู ซึ่ง ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก เข้าโค้งความเร็วได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้พวงมาลัยอาจมีช่องว่างเล็กน้อยที่ต้องขยับแต่งในโค้ง ซึ่งถ้าขับใช้งานทั่วไปแล้ว นับว่าน้ำหนักพวงมาลัย นุ่ม สบายมือ หรือใช้ขับทางตรงความเร็วสูงก็ไม่เบามือจนเกินไป
ข้อสาม, สมรรถนะ : แม้ไม่มีเสียงคำรามจากปลายท่อไอเสียให้ตื่นตระหนก ทว่าเครื่องยนต์เบนซิน ขนาดความจุ 1.5 ลิตร VTEC TURBO กำลังสูงสุด 173 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ในฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ก็ออกตัวไม่ขี้เหร่ ทะยานไปด้วยความนุ่มนวล โดยความเร็วช่วงกลางถือเป็นจุดเด่นความเร้าใจ วิ่งที่ 110-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบเกียร์ CVT ตัดต่อกำลังอย่างเนียนและต่อเนื่อง ส่งผลให้ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ไวและปราดเปรียวในการเดินทางรูปแบบทัวริ่ง
ฮอนด้าเคลมอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร
ข้อสี่, นุ่ม เงียบ : ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก เป็นรถที่เดินทางไกล ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ทางยาว ๆ ขับได้สบาย เพราะช่วงล่างเมื่อผ่านถนนไม่เรียบ กลับนั่งสบาย ไม่กระเด้งกระดอน อีกทั้งเก็บเสียงไม่ให้เข้ามารบกวนในห้องโดยสารได้อย่างดีเยี่ยม อาจจะเรียกได้ว่าห้องโดยสารเงียบที่สุดในไลน์ของฮอนด้า ซีวิค เจเนอเรชั่นที่ 10 ณ ขณะนี้
ข้อห้า, อุปกรณ์มาตรฐาน : ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก จำหน่ายรุ่นเดียว ราคา 1,169,000 บาท จัดให้ในระดับความคุ้มค่าทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัย
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น)
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย โดยสามารถสลับเปลี่ยนข้อมูล และค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) สามารถสั่งการได้จากระยะไกลเพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยขณะที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดอยู่ ประตูรถจะยังคงล็อกเช่นเดิม และรถจะยังไม่อยู่ในสถานะที่พร้อมออกตัวได้ จนกว่ากุญแจรีโมทและผู้ขับขี่จะอยู่ภายในตัวรถ และกดปุ่มสตาร์ทการทำงานของเครื่องยนต์ภายในรถอีกครั้ง
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags
เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้ และเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) เพียงใช้นิ้วดึงสวิตช์ที่ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลางเมื่อต้องการใช้เบรกมือ และจะคลายเบรกโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบคันเร่ง
ระบบ Auto Brake Hold เมื่อกดปุ่มเปิดให้ระบบทำงาน ระบบจะทำการหน่วงเบรกต่อให้อัตโนมัติ หลังจากเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัวโดยไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกค้างไว้
ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ข้อสำคัญลองขับก่อนตัดสินใจ เพราะตรงนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งแล้วแต่สไตล์ขับขี่ของแต่ละท่านด้วยครับ
เรื่อง : พิชัย มูลจัด
ภาพ : HONDA
HONDA CIVIC HATCHBACK 1.5 VTEC TURBO
• เครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VTEC TURBO • ปริมาตรกระบอกสูบ 1,498 ซีซี • กระบอกสูบxระยะชัก 73.0x89.5 มิลลิเมตร • อัตราส่วนกำลังอัด 10.6 : 1 • กำลังสูงสุด 173 แรงม้า PS (127 กิโลวัตต์) ที่ 5,500 รอบต่อนาที • แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที • ระบบส่งกำลัง CVT • ระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สัน สตรัท อิสระ เหล็กกันโคลง • ระบบกันสะเทือนหลัง มัลติลิงก์ อิสระ เหล็กกันโคลง • ระบบเบรกหน้า/หลัง ดิสก์/ดิสก์ • ระบบบังคับเลี้ยว ดูอัลพิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (DP-EPS) • พวงมาลัยหมุนสุด 2.22 รอบ • รัศมีวงเลี้ยว 5.33 เมตร • มิติตัวรถ ยาวxกว้างxสูง 4,501x1,799x1,421 มิลลิเมตร • ฐานล้อ 2,697 มิลลิเมตร • ระยะห่างล้อคู่หน้า/คู่หลัง 1,547/1,563 มิลลิเมตร • ความสูงใต้ท้องรถ 133 มิลลิเมตร • ความจุถังน้ำมัน 47 ลิตร • ขนาดยาง 215/50 R17 • ขนาดยางอะไหล่ T125/80 D16 • น้ำหนักรถ 1,316 กิโลกรัม • ราคา 1,169,000 บาท